แชร์

เลือกสิ่งที่ชอบ vs สิ่งที่ใช่ ต้องเลือกแบบไหนถึงใช่เรากันนะ

อัพเดทล่าสุด: 3 ธ.ค. 2024

59 ผู้เข้าชม

เมื่อน้อง ๆ ก้าวเข้าสู่ช่วงวัยมัธยมปลาย ก็มีหลายเรื่องที่เข้ามาสร้างความกังวลใจให้กับน้อง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสังคมใหม่ เนื้อหาการเรียนวิชาต่าง ๆ ที่มีความเข้มข้นมากขึ้นเนื้อหายากขึ้น รวมไปถึงการเตรียมตัวเพื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัย เมื่อมาถึงตรงนี้พี่คิดว่าอาจจะมีน้อง ๆ หลายคนแน่ ๆ ที่กำลังเครียดกับตัวเองอยู่ว่าไม่รู้ความชอบ หรือมีความอยากเรียนในคณะอะไรดี สำหรับน้อง ๆ คนเก่งของพี่ที่กำลังรู้สึกแบบนี้อยู่ พี่อยากให้ทุกคนลองมาสำรวจตัวเอง ตามบทความข้างล่างนี้ ที่พี่ได้รวบรวมวิธีการมาช่วยให้น้อง ๆ ได้รู้จักและเข้าใจตัวเองมากขึ้น ถ้าทุกคนพร้อมแล้วที่จะไปค้นหาคำตอบว่าเราอยากเรียนหรือทำงานแบบไหนกันแน่ ก็เลื่อนลงไปอ่านวิธีที่พี่รวบรวมมาให้กันเล้ย

1. การตัดสินใจด้วย สมอง (เหตุผล) vs หัวใจ (อารมณ์ ความรู้สึก)
ถ้าเป็นเรื่องเล็ก ๆ ในชีวิตของน้อง พี่อยากให้น้อง ๆ ใช้อารมณ์ความรู้สึกในการตัดสินใจไปเลย เช่นจะกินไอศกรีมรสอะไร ระหว่าง สตรอเบอรี่ หรือ ชอคโกแลต ไม่ต้องคิดมาก

ถ้าคิดมาก พี่แนะนำว่าอย่ากิน!!

ส่วนถ้าเป็นเรื่องที่ใหญ่ ๆ ในชีวิต พี่อยากให้น้อง ๆ ใช้เหตุผลในการตัดสินใจดีกว่า เช่น เรื่องเรียนต่อ เพราะการที่เราเลือกเรียนในสาขาที่มันสอดคล้องกับอาชีพที่เราอยากจะทำต่อไปในอนาคต ก็จะส่งผลต่อให้เราได้ทำอาชีพนั้นไปนาน ๆ จนแก่เฒ่าได้เลย เพราะฉะนั้นแล้วการเลือก คณะ / สาขาวิชาจึงไม่ควรใช้แค่อารมณ์ ความรู้สึกในการตัดสินใจ แล้วจะเลือกยังไงกันดีล่ะ ไปกันต่อเล้ยย

2. การค้นหาคำว่า "ชอบ" และ คำว่า "ใช่" ในตัวเอง

คำว่า "ชอบ" ตรงตัวเลยว่า น้อง ๆ นั้นมีความชอบอะไรกันแน่ มีวิธีสังเกตง่าย ๆ คือ ถ้าน้อง ๆ รู้สึกว่าอยาก จะทำสิ่งไหนโดยที่ไม่ต้องมีใครมาบังคับ หรือว่า ไม่ใช่หน้าที่ที่น้องจำเป็นจะต้องทำแต่ก็ยังอยากทำ สามารถอดหลับอดนอนเพื่อทำสิ่งนี้ได้อย่างมีความสุข นี่แหละคือสิ่งที่เราชอบ พี่ iBuddy+ แนะนำให้น้อง ลิสต์รายการที่ชอบออกมาก่อนครับ จะกี่หน้า กี่ข้อ เขียนออกมาให้หมดเล้ย
ส่วนน้อง ๆ คนไหนที่ยังหาไม่เจอว่าเรามีความชอบอะไรนั้น พี่ขอแนะนำแบบนี้ครับ ขอให้น้อง ๆ ได้ลอง เปิดโลกตัวเอง ออกไปทำสิ่งต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นดนตรี กีฬา ศิลปะ เกมส์ ไปจนถึงความรู้วิชาการต่าง ๆ
ส่วนคำว่า "ใช่" ในที่นี้ คือสิ่งที่เราถนัด และทำได้ดี นั่นเอง วิธีสังเกตง่าย ๆ ก็คือ เวลาที่เราทำอะไรสักอย่างนึงแล้วมีคนชมว่ามันเจ๋ง มันดี หรือในเวลาที่น้อง ๆ ไปทำงานชนิดเดียวกันกับ คนอื่นแล้วใช้เวลาที่มันเท่ากัน แต่น้อง ๆ ทำงานเหล่านั้นออกมาได้ในปริมาณ ที่มากกว่า หรือ ได้คุณภาพ ที่ดีกว่า หรือคุณภาพเท่ากันเลยแต่น้องใช้เวลาที่น้อยกว่าคนอื่น อย่างนี้ก็เรียกว่าสิ่งนี้คือสิ่งที่น้อง ๆ ถนัด นั่นเอง หรือ สังเกตง่าย ๆ จากอีกวิธีครับ ว่าใครชอบมาปรึกษาเราหรือขอความช่วยเหลือเราในเรื่องไหน ก็แล้วแต่ อันนี้ก็น่าจะเป็นสิ่งที่เราทำได้ดีเหมือนกันนะ ให้น้อง ๆ ลิสต์รายการเหล่านี้ออกมา เหมือนกันเลย จะกี่ข้อ กี่หน้าจัดเต็มมาได้เลย ส่วนใครที่ยังไม่ค้นพบกับความถนัดของตัวเอง ก็สามารถ ออกไปเปิดโลกของตัวเองได้เลยเช่นเดียวกันน้า

แต่ถ้าน้อง ๆ คนไหนที่ยังหาไม่เจอทั้งสิ่งที่ชอบและสิ่งที่ใช่ รวมถึงยังไม่พร้อมออกไปเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ อันนี้พี่ ๆ iBuddy+ ขอบอกก่อนเลยว่าไม่มีใครสามารถช่วยเหลือน้อง ๆ ได้ ถ้าน้องยังไม่ยอมเอาตัวเองก้าวออกมา จากโลกใบเดิมของน้อง ๆ ก่อน และ พี่ iBuddy+ ก็อยากบอกน้อง ๆ อีกว่ากระบวนการหาสิ่งที่ชอบ และสิ่งที่ใช่ นั้นเป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลามากทีเดียวค่ะ ไม่สามารถเกิดได้ในหลักวันหรือ 1-2 เดือนได้แน่นอนครับเพราะฉะนั้นพี่ ๆ iBuddy+ จึงอยากให้น้อง ๆ คนเก่งของพี่เริ่มการค้นหากันตั้งแต่เนิ่น ๆ เลยครับ

3. เมื่อคำว่า "ชอบ" กับคำว่า "ใช่" โคจรมาเจอกัน
เมื่อคำว่า ชอบ กับคำว่า ใช่ โคจรมาเจอะเจอกันที่ตรงไหน จุดนี้แหละครับน้อง ๆ จะเป็นแนวทางให้เราเลือกเส้นทางการประกอบอาชีพที่เหมาะสมกับเรา และนำไปสู่การประสบความสำเร็จต่อไป เราต้องเริ่มการโฟกัส หาข้อมูล คณะ สาขาวิชา วิชาชีพต่าง ๆ เพื่อเป็นการดูเส้นทางอาชีพ หรือไปเข้าฟังคนที่มีประสบการณ์ทาง สายงานนั้น ๆ ก็ได้ จนเรามีความมั่นใจแล้วนะครับว่า จะประกอบวิชาชีพไหน ก็ทำการปักหมุดลงไปเลย ถ้าเกิดน้องมีเป้าหมายที่ชัดเจนแน่วแน่แล้ว ไม่ว่าจะมีอุปสรรคแค่ไหนเราก็มีแรงพร้อมฝ่าฟันมันไปได้ อย่างแน่นอนครับ

พี่ iBuddy+ อยากฝากน้อง ๆ ไว้อย่างนึงครับว่า อย่าเอาอนาคตของเรา ไปแขวนไว้บนความคาดหวัง ของคนอื่นนะครับน้อง ๆ อย่างเช่น ความคาดหวังของคุณพ่อคุณแม่ พี่ขอบอกเลยว่าน้องอาจจะทำให้เขา มีความสุขได้ในระยะเวลา 3-4 ปี ที่น้อง ๆ ได้เลือกเรียนตามใจคุณพ่อคุณแม่ แต่น้องอาจจะต้องฝืนใช้ชีวิต แบบที่น้องไม่ต้องการไปอีก 30 40 ปีเป็นอย่างน้อยเลยนะครับ เพราะฉะนั้นแล้ว พี่ iBuddy+ อยากฝากถึง คุณพ่อคุณแม่ที่อ่านบทความนี่อยู่เช่นเดียวกันครับว่า อนาคต และชีวิตของลูก ปล่อยให้ลูกได้เป็นคนกำหนด เส้นทางชีวิตของเขาเองนะครับคุณพ่อคุณแม่

4. การ ตัดสินใจ มักมาคู่กับ การ ตัดใจ
พี่ iBuddy+ อยากบอกน้อง ๆ อย่างนี้ครับว่า การตัดสินใจ มักจะมาคู่กันกับ การตัดใจเสมอเลย เราไม่สามารถ นำเอาทุกสิ่งทุกอย่างเข้ามาไว้ในชีวิตเราได้ครับบ เพราะฉะนั้นแล้วถ้าน้องเลือกบางอย่างไป น้องก็ต้องตัดบางอย่างออกไปเช่นเดียวกัน อันนี้เป็นธรรมดาของโลกมากเลยครับ พี่อยากให้น้อง ๆ มองว่าทุกอย่างมันมีมุมดี และจุดดีในตัวของมันอยู่นะครับ พี่ iBuddy+ จึงอยากให้น้องโฟกัสกับ สิ่งที่เราเลือก เราจะได้กำหนดทางเดินและเป้าหมายได้อย่างชัดเจน ไม่หลงทางกันครับ

5. ให้ จีบ คณะที่ชอบ แต่ แต่งงานกับอาชีพที่ใช่

ขอฝากไว้นะครับ การที่น้อง ๆ เลือกที่จะเรียนในคณะอะไร ก็เหมือนกับการจีบใครสักคนนึงที่เราชอบนั่นแหละ เมื่อเรา สอบติดก็แปลว่าเราจีบติดนั่นเองครับ แล้วน้อง ๆ ก็เข้าไปเรียน ศึกษาเรียนรู้ซึ่งกันและกันไปในคณะนั้น ถ้าเรายิ่งเรียนไปแล้วยิ่งรู้สึกใช่ ยิ่งชอบมากขึ้น เมื่อน้องจบการศึกษาแล้ว น้องก็แต่งงานกับอาชีพนั้นซะ! ถ้าน้องอาชีพแบบนี้เจอแล้วล่ะก็ พี่ iBuddy+ ก็ขอแสดงความยินดีกับน้อง ๆ ด้วยนะครับ ส่วนใครที่เรียนไป เรื่อย ๆ แล้วรู้สึกว่ามันไม่ใช่ น้องก็สามารถตัดสินใจ วนกลับมาเริ่มต้นใหม่ได้ มันอาจจะเสียเวลาในการกลับรถสักเล็กน้อย แต่พี่ว่ามันได้เลือกสิ่งดี ๆ ให้กับชีวิตเราครับ แต่ถ้าน้องไม่อยากเสียเวลา น้อง ๆ ควรที่จะพิถีพิถันในการเลือกคณะ และสาขาวิชาเรียนตั้งแต่ในตอนนี้เลยครับ

และนี่คือวิธีการค้นหาสิ่งที่ชอบ vs สิ่งที่ใช่ จากพี่ ๆ iBuddy+ นะครับหวังว่าน้อง ๆ คนเก่งของพี่จะสามารถ นำไปปรับใช้และค้นหากันเจอนะครับ สู้ ๆ ครับ พี่ iBuddy+ เป็นกำลังใจให้กับน้อง ๆ ทุกคนเล้ยยย

Buddy พี่โจ้

Tags :